Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution 15ml ( สินค้าหมดอายุ : 2024.06.01 )

คู่หูต่อสู้จุดด่างดำ

สวัสดีค่า .. หายไปนานเลยหลังจากที่รีวิวไปครั้งแรก (ใครที่ยังไม่อ่านก็ไปตามอ่านกันได้นะคะ ส่วนใครที่อ่านแล้วก็กด ❤ ให้ด้วยน๊า ~ และขอขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบนะคะ 🙏).ก่อนอื่นขอรายงานตัว เพื่อทำความเข้าใจสภาพผิวกันก่อนนะคะ .. เพศหญิง อายุ 35 ปี ผิวผสม ขาดน้ำ มีแนวโน้มอุดตัน และเป็นสิวง่าย อีกทั้งมีรอยแผลสิวประปรายทั่วใบหน้าค่ะ 😓.ก่อนหน้านี้เป็นสิวบ่อยค่ะ ทั้งสิวผด สิวอุดตัน สิวอักเสบ .. สิวมักจะขึ้นเรื่อยๆ สัปดาห์ละ 1-2 เม็ด เป็นๆ หายๆ มีสิวไม่เยอะนะคะ แต่มีรอยจุดด่างดำเยอะ เพราะชอบแกะสิวจึงทำให้มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอตามมาค่ะ 😅.หลังจากที่รักษาสิวหายหมดแล้ว (รักษาสิวด้วยตัวเองค่ะ โดยปรับการใช้ครีมให้เหมาะกับสภาพผิว เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีหลังนะคะ) หลังจากนั้นก็มารักษารอยสิวต่อ .. ด้วยความที่ผิวแพ้ง่ายก็เป็นข้อจำกัดในการเลือกใช้ครีมค่ะ โดยจะต้องเลือกครีมที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นมาอีก 😇.หลังจากที่พยายามศึกษาอยู่นานก็เจอรีวิวของคุณโมเม (โมเมพาเพลิน หรือ dialycherie) ในยูทูปที่พูดถึงเซรั่ม Clearly Corrective™ Dark Spot Solution ว่าเป็นเซรั่มที่สามารถลดเลือนรอยแผลสิวได้ดีเยี่ยมสุดๆ เราก็เลยตัดสินใจซื้อมาทดลองใช้ก่อน โดยซื้อเป็นตัวทดลองขนาด 4 มล. (ซื้อใน konvy นี่แหล่ะค่ะ ของแท้มั่นใจได้ 100%) 👍.ตอนแรกก็แอบหวั่นใจกลัวว่าตัวเองจะแพ้นะคะ เพราะเซรั่มมีส่วนผสมของอนุพันธุ์กรดวิตามินซีเป็นตัวหลัก แถมยังมีกรด aha , bha และอนุพันธุ์ของน้ำหอมพ่วงมาหลายตัวอีกด้วย!! 😟.* คนผิวระคายเคืองง่ายต้องระวังส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด และน้ำหอมนะคะ * .ซึ่งพอได้พิจารณาจากส่วนผสมแล้วก็มีดังนี้ค่ะ 👇Aqua/Water, Propylene Glycol, Glycerin, Alcohol Denat., Peg/Ppg/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol, 3-O-Ethyl Ascorbic Acid, Ppg-6-Decyltetradeceth-30, Phenoxyethanol, Salicylic Acid, Xanthan Gum, Hydroxyethylcellulose, Potassium Hydroxide, Citric Acid, Sodium Citrate, Tocopheryl Acetate, Lavandula Angustifolia Oil/Lavender Oil, Disodium Edta, Adenosine, Linalool, Butylene Glycol, Tocopherol, Citrus Aurantium Tachibana Peel Extract, Paeonia Suffruticosa Root Extract.เราลองใช้หลอดแรกไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็พยายามสังเกตว่าจะตัวเองจะแพ้หรือเปล่า ซึ่งสามารถสังเกตได้ดังนี้ค่ะ ❌ แสบไหม ? ❌ แดงไหม ? ❌ คันไหม ? ❌ แห้งไหม ? ❌ ลอกไหม ? ❌ ผิวบวมไหม ? ❌ เป็นผดไหม ? ❌ มีผื่นไหม ?❌ มีสิวขึ้นเพิ่มไหม?.ถ้าหากว่าใครไม่มีอาการพวกนี้ก็ถือว่า "ผ่าน" สามารถใช้ต่อได้เลยค่ะ ✅.อ้อ!!! ลืมบอกไปว่าจริงๆ แล้วเซรั่มตัวนี้ใส่กรด aha , bha มาในปริมาณน้อยนะคะ เพราะคิดว่าผู้ผลิตคงต้องการจะใช้กรดพวกนั้นเป็นตัวนำพาสารต่างๆ เข้าสู่ผิวมากกว่าที่จะให้มันเป็นสารออกฤทธิ์หลัก ดังนั้นเราจึงสามารถใช้เซรั่มตัวนี้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีกรด aha หรือ bha ตัวอื่นๆ ได้ค่ะ (แต่ก็ยังมีหลายคนที่แพ้นะคะ ดังนั้นควรทดสอบก่อนใช้ด้วยค่ะ) 😉.เนื้อเซรั่มค่อนข้างเหลว ซึมง่าย ไม่เหนียว ไม่เป็นขุย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ หยดแค่ 3 - 5 หยดก็ทาได้ทั่วใบหน้าแล้วค่ะ .. ไม่ปลืองเลย ขวดใหญ่ 50 ml. เปิดใช้จนหมดขวดเซรั่มก็ไม่เหลือง ไม่เปลี่ยนสี กลิ่นก็ไม่เพี้ยนเลยค่ะ 👏.อย่างที่บอกไว้ตอนต้นนะคะว่าเรารักษาสิวด้วยวิธีการปรับใช้ครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง โดยการศึกษาจาก youtube และ facebook ที่บิวตี้บล็อกเกอร์หลายๆ คนออกมารีวิวครีมและส่วนผสมต่าง ๆ แล้วเราก็นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับผิวของตัวเอง ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ดังนี้ค่ะ 👇ทั้ง 3 ตัวนี้ใช้เป็นขั้นตอนล้างหน้าและพอกหน้าค่ะ☀️ ตอนเช้า : ล้างน้ำเปล่าอย่างเดียว (ใช้น้ำอุ่นนิดๆ เพื่อชะล้างความมันส่วนเกินบนใบหน้าค่ะ)🌙 ตอนเย็น : ล้างหน้า 3 ขั้นตอนค่ะ1. ใช้ตัวซ้ายสุด เพื่อล้างครีมกันแดด (มันเป็นเจลล้างเครื่องสำอางโดยใช้การนวดเบาๆ ค่ะ .. เราไม่ชอบใช้ micellar water เพราะไม่อยากใช้สำลีเช็ดหน้า ซึ่งรู้สึกว่ามันทำให้ผิวระคายเคืองค่ะ) 2. ใช้ตัวกลาง เพื่อล้างหน้าอีกรอบ (มันเป็นเจลล้างหน้าสำหรับผิวที่แพ้และระคายเคืองง่าย) 3. ใช้ตัวขวาสุด เพื่อพอกหน้าประมาณ 2-3 นาทีแล้วล้างออก (มันเป็นเจลว่านหางจระเข้สำหรับผิวแพ้และระคายเคืองง่าย เราใช้เพื่อปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคืองหลังทำความสะอาดผิวหน้าค่ะ).หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย เราก็รีบบำรุงผิวทันทีภายใน 1 นาที เพื่อรักษาความชุ่มชื้น โดยบำรุงดังนี้ค่ะ 👇ใช้เรียงตามลำดับจากซ้ายไปขวาเลยค่ะ☀️ ตอนเช้า : บำรุง 3 ขั้นตอนค่ะ1. ใช้เซรั่ม kiehl's (เพื่อลดรอยแผลสิวและเพิ่มความกระจ่างใส) 2. ใช้ครีม cerave (เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวและรักษาความชุ่มชื้นของผิว) 3. ใช้ครีมกันแดด mizumi (มันเป็น physical sunscreen เหมาะสำหรับผิวระคายเคืองง่าย)🌙 ตอนเย็น : บำรุง 3 ขั้นตอนค่ะ1. ใช้เซรั่ม kiehl's (เพื่อลดรอยแผลสิวและเพิ่มความกระจ่างใส)2. ใช้เซรั่ม estee lauder (เพื่อซ่อมแซมผิวและให้ความชุ่มชื้นที่เสียไป)3. ใช้ครีม cerave (เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวและรักษาความชุ่มชื้นของผิว).นอกจากนี้เราใช้กรด bha สัปดาห์ละ 2 ครั้งด้วยค่ะ เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและรอยแผลสิวให้จางไวขึ้น โดยจะใช้เป็นตัวแรกก่อนเซรั่ม kiehl's (แต่จะใช้ในช่วงตอนเย็นเท่านั้นนะคะ) 🌙กรด bha ตัวนี้ไม่มีขายใน konvy นะคะ แต่จริงๆ แล้วใครจะใช้ยี่ห้อใดก็ได้ หรือใช้เป็นรูปแบบใดก็ได้ค่ะ (โทนเนอร์ เซรั่ม หรือครีมก็ได้) แต่ควรให้ความเข้มข้นอยู่ระหว่าง 0.5-2% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดค่ะ และไม่ควรใช้บ่อยเกินไป (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็พอค่ะ) .. และที่สำคัญไม่ควรขัดถูหน้าในระหว่างที่ใช้ bha นะคะ เพราะจะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ค่ะ 😵.หรือถ้าใครใช้กรด aha อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้กรด bha ก็ได้ค่ะ แต่กรด aha ที่จะใช้นั้นควรมีความเข้มข้นอยู่ระหว่าง 5-10% นะคะ 👌.หมดแล้วค่ะสำหรับวิธีการจัดการสิวและริ้วรอยจุดด่างดำของเรา ..ใครชอบ หรือไม่ชอบ หรือต้องการสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นอะไรก็มาร่วมพูดคุยกันได้นะคะ เรายินดีมากๆ เลยค่ะ 🥰.และขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ กระทู้นี้ยาวหน่อยแต่ตั้งใจเขียนมากค่ะ เพราะอยากเก็บไว้ให้ตัวเองอ่านด้วย เพื่อเป็นการเตือนใจ เตือนสติ และเตือนความจำของตัวเองไว้ หากวันไหนพลาดพลั้งเผลอไปใช้อะไรแล้วหน้าพังจะได้กลับมาอ่าน และรักษาผิวของตัวเองให้กลับขึ้นมาดีได้อีกครั้ง 🥺.ขอขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งนะคะ อ่านจบแล้วกด ❤ ให้สักนิด และกดติดตามให้สักหน่อย เพื่อเป็นกำลังให้กัน ครั้งต่อไปมีอะไรดีๆ จะได้มาเขียนให้อ่านกันอีกนะคะ ✌.ป.ล.1 บางคนอาจจะสงสัยว่า กระทู้ที่แล้วบอกว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปจาก real barrier แต่ทำไมกระทู้นี้ไม่ได้ใช้แล้ว .. ขออธิบายแบบนี้นะคะว่า เมื่อสภาพผิวของเราเปลี่ยน แปลว่าความต้องการของผิวเปลี่ยนไป ดังนั้นเราควรปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมตามค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วจะใช้ real barrier ต่อได้นะคะ เพราะหน้าที่หลักคือเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว แต่ตอนนี้ใช้ cerave อยู่แล้ว ซึ่งทำหน้าที่เดียวกันเลย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้อะไรซ้ำซ้อน เพื่อป้องกันการอุดตันและสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นค่ะ 🙅‍♀️ป.ล.2 บางคนอาจถามต่อว่าแล้วทำไมต้องเปลี่ยน real barrier มาใช้ cerave แทน .. ขออธิบายว่า ตอนนั้นใช้ la mer เป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ค่ะ จึงใช้ผลิตภัณฑ์เสริมเกราะป้องกันผิวในรูปแบบเซรั่ม แต่ตอนนี้เลิกใช้ la mer ไปแล้ว จึงใช้ cerave เป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์แทน ดังนั้นจึงเลิกใช้ real barrier ตามไปด้วย เพราะทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับ cerave ค่ะ 🤷‍♀️

Rangsirat Wongupparaj 693